ทำไมพอได้ตำแหน่งสูงขึ้นแล้ว ก็เริ่มก้าวเข้าสู่ด้านมืด

เคยได้ยินประโยคแนวๆ นี้มั้ยครับ “ตอนเป็นพนักงานก็นิสัยดีนะ ว่าง่าย ทำงานดี แต่พอได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเท่านั่นแหละ พฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงเป็นคนละคนกันเลย” พนักงานบางคนพอได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น เริ่มมีอำนาจมากขึ้น ก็เริ่มเข้าสู่ด้านมืดกันได้เหมือนกัน ถ้าเราไม่สามารถควบคุมตนเองไม่ให้หลงระเริงไปกับอำนาจเหล่านั้นได้

มีคนเคยศึกษาว่า ด้านมืดของผู้นำนั้น มันมักจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราลองมาดูกันครับ

  • อีโก้สูง ไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้านมืดของภาวะผู้นำสำหรับคนที่เป็นผู้นำแล้วเริ่มเข้าสู่ด้านลบ ก็คือ การที่เคยทำงานและบริหารงานได้ประสบความสำเร็จอย่างมากมาก่อน แล้วก็ยึดติดกับความสำเร็จนั้นมากเกินไป จนไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ และไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรไปตามสภาพที่มันเปลี่ยนไปจริงๆ เวลาที่พนักงานเสนออะไรใหม่ๆ ก็มักจะมีคำตอบมาว่า “เคยทำมาแล้ว มันไม่สำเร็จหรอก” หรือมักจะพูดว่า “ทำอย่างที่ผมเคยทำมาแล้วนี่แหละ ก็เห็นอยู่ว่ามันประสบความสำเร็จมากแค่ไหน” ยึดมั่นถือมั่นมากจนเกินไปจนกลายเป็นผลลบกับการทำงานและการนำผู้อื่น

 

  • เจ้าอารมณ์ ใช้อารมณ์ที่รุนแรง ด้านลบของภาวะผู้นำอีกเรื่องก็คือ การไม่ควบคุมอารมณ์ มักจะใช้อารมณ์รุนแรงและฉุนเฉียวตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเนื่องจาก การที่ได้รับการปฏิบัติในทางที่ผิดๆ จากเหล่าบรรดาพนักงาน และคนรอบข้าง ชอบที่จะเอาอกเอาใจ อยากได้อะไรก็พยายามหามาให้ เรียกว่าได้ทุกอย่าง พอเริ่มหนักเข้า ก็เริ่มเข้าด้านมืด ก็คือ เริ่มเจ้าอารมณ์มากขึ้น เริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้นำและมีอำนาจเต็มมือ ก็สามารถที่จะทำอะไรก็ได้แสดงออกอย่างไรก็ได้ บางรายก็เกิดจากการที่ตนเองเริ่มมีอำนาจในการที่จะสั่งการ และทำอะไรได้มากขึ้น ก็เลยใช้อำนาจเหล่านั้นในการสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อื่น เพราะคิดว่า การทำให้คนอื่นเกรงกลัวเราได้มากเท่าไหร่ เราก็จะกลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น

 

  • ไม่สนใจไม่ใส่ใจพนักงาน ด้านมืดของภาวะผู้นำถัดไปก็คือ คิดว่าการที่เราเป็นผู้นำนั้น จะต้องมีแต่คนมาตามเรา จะต้องมีแต่คนมาเชื่อฟังเรา ดังนั้นการเอาใจใส่พนักงาน และคนรอบข้างก็จะลดลงไปเรื่อยๆ เริ่มที่จะไม่ใส่ใจ ไม่สนใจพนักงาน บางคนพอได้เป็นผู้นำ ได้ตำแหน่งสูงๆ ก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเอาใจใส่พนักงาน ถามไถ่ทุกข์สุข ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ไม่สนใจใครเลย แต่อยากให้คนอื่นมาสนใจมากกว่า โดยใช้อำนาจของการเป็นผู้ของตน

 

  • ใช้อำนาจในทางที่ผิด ด้านมืดที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ เมื่อหลุดเข้าไปในอำนาจมืดของการเป็นผู้นำเมื่อไหร่ เริ่มที่จะรู้ว่าตนเองมีอำนาจเยอะมาก ก็เริ่มที่จะใช้อำนาจไปในทางที่ผิด นำไปสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง เริ่มที่จะสร้างพรรคพวก และสร้างกลุ่มก้อนที่เอื้อการทุจริตในการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำได้มาก ก็จะยิ่งหลุดเข้าไปในด้านมืดมากขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของการโกหก หลอกลวง คดโกง แทงกันข้างหลัง เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตนเอง บางคนไม่ได้ทุจริตอะไร แต่พอมีอำนาจเต็ม ก็เริ่มปลดคนเก่าออก และเริ่มหาพรรคพวกของตนเองเข้ามาทำงาน โดยไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม

 

  • คิดว่าตนเองถูกในทุกเรื่อง บางคนก็เริ่มที่จะใช้อำนาจในการทำงาน วางแผนการทำงาน โดยอาศัยแนวคิดของตนเองเป็นใหญ่ ใครค้าน ก็ไม่ฟัง สนใจ ใครที่เห็นต่าง ก็จับย้ายออกไปหมด ใครที่เห็นด้วยก็ได้ทำงานต่อไป บางคนตอนเป็นพนักงานก็บ่นว่า เกลียดระบบเด็กเส้น แต่พอตนเองได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารที่มีอำนาจ เวลาคนรู้จัก หรือญาติพี่น้อง มาฝากพนักงานให้ทำงาน ก็อ้าแขนรับทันที โดยที่ไม่มีตำแหน่งงานว่างเลยก็มี เวลาประชุมจะตัดสินใจอะไร ก็จะเป็นผู้ตัดสินใจเองทั้งหมด ใช้ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ พอผลที่ได้ออกมาไม่ได้ ก็ด่าพนักงานว่าทำไมไม่ทำงานกันให้ดี จากนั้นก็จัดการกับคนเหล่านี้ ย้ายบ้าง ปลดบ้าง ไปเรื่อย

ที่เขียนมาคงไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้นทั้งหมดนะครับ บางคนเป็นผู้นำที่ดี ก็ดีไปครับ แต่บางคนทนความยั่วยุของสภาพแวดล้อมและอำนาจไม่ไหว ก็หลุดเข้าไปในด้านมืดได้ทันทีเหมือนกัน

หลุดเข้าไปแล้ว มันออกยากซะด้วยสิครับ

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

Up ↑